กรณี “เครื่องดื่มชูกำลัง” กลายเป็นสิ่งต้องห้าม
กฎหมายได้บังคับให้การโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลังมีคำเตือนข้างขวดว่า “เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรดื่ม ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อน” และยังต้องระบุว่า “ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด” เป็นคำเตือนที่พูดกันเร็วแทบจะฟังไม่ทัน ทั้งนี้ เหตุที่บังคับให้มีคำเตือนดังกล่าว ก็เนื่องจากส่วนประกอบสำคัญในเครื่องดื่มประเภทนี้ คือ “คาเฟอีน” [1] ซึ่งจะไปกระตุ้นการเต้นของหัวใจและระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายเหมือนจะกระฉับกระเฉงขึ้น ตาสว่างขึ้น และไม่ง่วงเหงาหาวนอน แต่นั่นหมายถึง เมื่อใดที่คาเฟอีนหมดฤทธิ์ความรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนก็จะเข้ามาแทนที่ จึงอาจเป็นอันตรายอย่างมากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ดื่มกำลับขับรถหรือทำงานอยู่กับเครื่องจักร ซึ่งในระยะยาวมักพบว่าผู้ที่ได้รับคาเฟอีนในปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน อาจเกิดอาการกระสับกระส่าย ตื่นเต้นเกือบตลอดเวลา สับสน มือไม้สั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ หูอื้อ หรือปัสสาวะมาก ส่วนคนที่แพ้คาเฟอีนก็มักจะมีอาการหน้าแดง มือสั่น กระวนกระวาย และความสามารถในการทำงานลดลง
ปี 2556 [2] ในประเทศเบลเยียม มีข่าวการตัดสินคดีที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่งที่มีต้นกำเนิดในประเทศไทย ก่อนจะดังไกลไปทั่วโลก เนื่องจากผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนงานโรงงานฆ่าสัตว์ประสบอุบัติเหตุรถชน แล้วกลับไปไล่ทุบตีคนขับรถคู่กรณี รวมทั้งทำร้ายร่างกายตำรวจที่พยายามเข้าจับกุมจนทำให้ตำรวจบาดเจ็บไป 2 นาย ซึ่งทนายของผู้ต้องหาชี้แจงว่า ลูกความของเขาลืมรับประทานยาระงับประสาท ก่อนจะดื่มเครื่องดื่มชูกำลังนี้เข้าไปทีเดียวหลายกระป๋องอันอาจเป็นเหตุให้เขาคุ้มคลั่ง
ศาลจึงมีคำสั่งที่ถือว่าค่อนข้างแปลกไปกว่าคำสั่งทั่วไป คือ สั่งห้ามไม่ให้เขาดื่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังชนิดนี้จนกว่าจะเริ่มพิจารณาคดี ขณะที่กลับไม่ได้ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ทั่วๆไป คำสั่งศาลนี้สอดคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยาของมหาวิทยาลัยลิวเวน ประเทศเบลเยียม ที่ระบุว่า การดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเกินขนาดร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจนำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าวได้ ทางด้านฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังดังกล่าวจึงต้องออกมาแถลงถึงการที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มดังกล่าวนี้ใน 164 ประเทศทั่วโลก และยังได้รับการรับรองจากหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆแล้วว่าสามารถดื่มได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
เมื่อสิบปีก่อน [3] เคยมีข่าวคำเตือนขององค์การอาหารและยาของสวีเดน ที่ออกมาหลังจากมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย ซึ่งทั้งหมดดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเดียวกันนี้ได้ไม่นานก่อนที่จะเสียชีวิต โดยแนะนำมิให้ประชาชนดื่มเครื่องดื่มชูกำลังดังกล่าวร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก แม้ว่าทางผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังได้ออกมาแย้งว่า ไม่มีหลักฐานใดที่พิสูจน์ได้ว่าการเสียชีวิตของคนเหล่านี้เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก็ตาม
ปี 2552 [4] โรงเรียนแห่งหนึ่งในแถบอีสต์ซัสเซกส์ ประเทศอังกฤษ มีความกังวลในเรื่องของพฤติกรรมของเด็กในชั้นเรียนที่อาจเนื่องมาจากเครื่องดื่มชูกำลังที่เด็กมักจะดื่มระหว่างทางจากบ้านไปโรงเรียน ทางโรงเรียนจึงมีการร้องขอให้ร้านในท้องถิ่นงดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังให้กับเด็กๆในพื้นที่ ขณะเดียวกันทางผู้จำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังเองก็ไม่แนะนำให้ผู้ที่ไวต่อคาเฟอีนรวมถึงเด็กให้ดื่มเครื่องดื่มนี้อยู่แล้ว แม้ว่าปริมาณคาเฟอีนในผลิตภัณฑ์จะมีอยู่เพียง 80 มิลลิกรัม ซึ่งเท่ากับคาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟ 1 ถ้วยก็ตาม
เมื่อคำนึงตามคำกล่าวอ้างข้างต้นแล้ว แม้ว่าการดื่มเครื่องดื่มมีคาเฟอีนอื่นๆ เช่น กาแฟ ไม่น่าจะส่งผลในระดับคดีได้เช่นเดียวกันกับเครื่องดื่มชูกำลังดังกล่าวเพราะเป็นประเด็นเฉพาะเรื่องมากกว่า แต่ก็ควรจะคำนึงถึงปริมาณการดื่มที่เหมาะสม รวมทั้งปัจจัยแวดล้อมกระตุ้นอื่นๆ เพื่อให้เกิดการดื่มในระดับที่ปลอดภัยขึ้นได้เป็นสำคัญ
แหล่งอ้างอิง
[1] HEALTHY CAMPUS THAMMASAT UNIVERSITY. เครื่องดื่มชูกำลัง: บทความของ Healthy Campus [ออนไลน์] [เข้าถึงเมื่อ 16 มีนาคม 2556]; http://www.healthycampus.tu.ac.th/healthy%20tips/power%20drinking.htm
[2] Mail foreign service. Belgian man who went on armed rampage with gun, knives and lead pipe is bailed on condition he does not drink anymore Red Bull. Mail Online. [Online] 2013 March 13 [Cited 2013 March 16]; http://www.dailymail.co.uk/news/article-2292662/Belgium-man-went-armed-rampage-knives-gun-lead-pipe-bailed-condition-does-drink-anymore-Red-Bull.html
[3] BBC News - Health. Red Bull in suspected link to deaths: in BBC News [Online] 12 July 2001 [Cited 2013 March 16]; http://news.bbc.co.uk/2/hi/1435409.stm
[4] BBC Serry. Serrey school bans high-energy drinks. BBC News. [Online] 25 March 2010 [Cited 2013 March 16]; http://news.bbc.co.uk/2/hi/uk_news/england/surrey/8586893.stm
เอ๋ เอกระวี จินดารักษ์
ผู้รวบรวมข่าวคุณภาพชีวิต
20 มีนาคม 2556